19 กันยายน 2554

GUCCI ja

GUCCI fashion watch, brand watch 2.5x3 cm wide, silver, enamel, white diamonds are not worthy. Comes with velvet box is good.
 

น้ำทะลักท่วม ร.ร.อนุบาลอ่างทอง เด็กนับพันหนีน้ำอลหม่าน





ชุลมุน! คันกั้นน้ำหน้าวัดอ่างทองพัง น้ำทะลักเข้าท่วมโรงเรียนอนุบาลอ่างทองอย่างรวดเร็ว คุณครู-ผู้ปกครองพาเด็กนักเรียนกว่า 2,500 คนวิ่งหนีน้ำกันอลหม่าน
          วานนี้ (15 กันยายน) น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมากที่ไหลผ่าน จ.อ่างทอง ได้ทำให้คันกั้นน้ำชุมชนบ้านรอ หน้าวัดอ่างทอง จ.อ่างทอง พังทลายลงมา ส่งผลให้น้ำทะลักอย่างรวดเร็ว เข้าท่วมวัดอ่างทอง ไหลไปยังโรงเรียนอนุบาลอ่างทอง ที่มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนกว่า 2,500 คน ซึ่งขณะนั้นนักเรียนแต่ละห้องกำลังทำข้อสอบอยู่

         เมื่อน้ำได้ทะลักไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้บรรดาคุณครูและผู้ปกครองต่างพานักเรียนวิ่งหนีกันชุลมุน ผู้ปกครองบางราย ถึงกับต้องทิ้งรถให้ไหลลอยไปกับน้ำเพื่อวิ่งตามหาลูก ขณะที่ทางคุณครูก็ได้พานักเรียนหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนอาคารสูง เพื่อรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย ด้านเด็กนักเรียนต่างเสียขวัญร้องไห้กันระงม บางคนร้องไห้จนเป็นลมต้องปฐมพยาบาลกันยกใหญ่

        จากนั้นเพียง 15 นาทีเท่านั้น จำนวนน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว ได้เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 200 หลังคาเรือน และยังทะลักเข้าศาลากลางจังหวัดอ่างทองอย่างรวดเร็ว รวมไปถึง โรงพัก และโรงพยาบาล โดยระดับน้ำสูงถึง 1 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว รวมทั้งลำเลียงนักเรียนออกมาจากโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย

        ล่าสุด ผู้ว่าฯอ่างทอง เผย สถานการณ์คันกั้นน้ำพังว่า ขณะนี้อุดรูรั่วได้แล้ว เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่เศรษฐกิจ เน้น ต้องให้ทันก่อนน้ำก้อนใหญ่มาอีก 18 - 19 กันยายนนี้

       นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุดที่ จ.อ่างทอง ซึ่งคันกั้นแม่นำเจ้าระยาเกิดพังทะลายลงมา ทำให้น้ำจำนวนมหาศาลเข้าท่วมตัวเมือง และ ร.ร.อนุบาลอ่างทอง ล่าสุด ระดับน้ำยังท่วมอยู่ในศูนย์ราชการสูงอยู่ แต่สามารถควบคุมได้ในวงจำกัดแล้ว โดยการปิดกั้นส่วนที่เสียหายเอาไว้ ที่เหลือกำลังเร่งสูบน้ำออก ส่วนการประเมินความเสียหายนั้น ยังไม่สามารถทำได้ ต้องเอาน้ำออกหมดก่อน จึงจะทำการสำรวจอีกครั้ง ซึ่งส่วนราชการ มีทั้งสรรพพกร อัยการ ต้องเร่งขนของออกอย่างเร่งด่วนตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว และประมาณ 03.00 น. ที่ผ่านมา สามารถดำเนินการอุดรูรั่วได้ทั้งหมดแล้ว และสามารถรักษาพื้นที่ของ ร.พ.อ่างทองไว้ได้

       โดยวันนี้ (16 กันยายน) ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเข้ามาตรวจเยี่ยมพื้นที่ คาดว่าน้ำที่ท่วมขังจะสามารถสูบออกได้ออกหมด ส่วนระดับน้ำที่มีความสูงระดับเอว ทางจังหวัดมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่อยู่ 4 ตัว โดยทางทหารได้ส่งรถยูนิมอก 4 คัน มาช่วย รับส่งนักเรียนที่ยังไม่ปิดเรียนในขณะนี้แล้ว
       ผู้ว่าฯอ่างทอง เผยอีกว่า ทางจังหวัดต้องเร่งสูบน้ำออกให้หมดโดยเร็วที่สุด เพราะคาดการณ์ว่า วันที่ 18 - 19 ก.ย. นี้ น้ำก้อนใหม่จะเข้ามาอีกครั้ง อาจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

อุตรดิตถ์ : ผู้ว่าฯ ยัน พบศพ 6 รายค้นหาอีก 1

อุตรดิตถ์ : ผู้ว่าฯ ยัน พบศพ 6 รายค้นหาอีก 1
          ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ยืนยัน พบผู้เสียชีวิต 6 ราย เหลืออีก 1 ราย จากสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม เส้นทางคมนาคมใช้การได้แล้ว

          นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมและโคลนถล่ม เมื่อคืนวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ยังยืนยัน พบ ผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย เหลือเพียง 1 ราย คือ เด็กชาย ยิ่งศักดิ์ ดีอินสี อายุ 5 ขวบ และได้มอบเงินค่าจัดการศพแก่ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย เป็นเงิน 250,000 บาท ปภ. ได้ติดตั้งเต็นท์ยกพื้น สำหรับผู้อยู่อาศัยชั่วคราว จำนวน 15 หลัง และจะได้เร่งดำเนินการปรับพื้นที่ รวมทั้งติดตั้งเต็นท์ส่วนที่เหลืออีก 25 หลัง

        นอกจากนี้ ทางจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เตรียมจัดหาพื้นที่ก่อสร้างบ้านถาวร ทดแทนบ้านที่พังเสียหายทั้งหลัง จำนวน 71 หลัง ได้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางผังและขออนุญาตใช้พื้นที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้มอบเงินค่าบ้านพังเสียหายทั้งหลัง จำนวน 37 หลัง เป็นเงิน 1,110,000 บาท ได้ซ่อมแซมถนนและวางสะพานแบริ่ง เส้นทางจากหมู่ที่ 3 บ้านต้นขนุน เข้าสู่หมู่ที่ 4 บ้านห้วยคอม เส้นทางจากหมู่ที่ 4 บ้านห้วยคอม เข้าสู่หมู่ที่ 5 บ้านห้วยเนียม จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 16 กันยายน 2554 และสะพานในหมู่บ้าน หมู่ที่ 4 ได้รับการสนับสนุนจาก นพค.34 ศูนย์ ปภ. เขต 8 และหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม สามารถติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ได้ตามปกติในทุกพื้นที่แล้ว

เพชรบูรณ์ : น้ำเทือกเขาสันตาเพียทะลักท่วมเพชรบูรณ์แล้ว

เพชรบูรณ์ : น้ำเทือกเขาสันตาเพียทะลักท่วมเพชรบูรณ์แล้ว

           เพชรบูรณ์ อ่วมหนัก หลังน้ำป่าจากเทือกเขาสันตาเพีย ไหลทะลักท่วมกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านอพยพขึ้นที่สูง รอดหวุดหวิด จนท. เร่งช่วยเหลือ

           หลังจากเกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากลงจากเขาสันตาเพีย พร้อมกับดินและต้นไม้ไหลถล่มใส่หมู่บ้านสันตาเพีย หมู่ 12 ต.บ้านโตก อ.เมืองเพชรบูรณ์ ขณะที่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน จำนวน 35 ครัวเรือน ราว 200 ชีวิต ซึ่งได้รับการแจ้งเตือนภัยก่อนราว 1 ช.ม. จึงได้เร่งยกขึ้นบนที่สูง ทำให้รอดพ้นการถูกน้ำท่วมหวุดหวิด แต่ขณะเดียวกัน บ้านพักอาศัยและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งพืชสวนทางการเกษตรได้รับความเสียหายอย่างยับเยิน

           ล่าสุด ชาวบ้านทั้งหมดพากันไปหลบอาศัยอยู่ที่สำนักสงฆ์วัดสันตาเพีย และเริ่มขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม ซึ่งต่อมา นายพิทักษ์ มิ่งขวัญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโตก ได้นำอาหารและน้ำดื่มเข้าไปแจกจ่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว

พิษณุโลก : เขื่อนแควน้อยน้ำเกินความจุแล้ว

พิษณุโลก : เขื่อนแควน้อยน้ำเกินความจุแล้ว


            ชลประทานพิษณุโลก เผย เขื่อนชะลอการระบายน้ำช่วยเมือง เชื่อพ้นวิกฤติ ขณะเขื่อนแควน้อย ระดับน้ำเกินความจุ 102 %

            นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในวันนี้ว่า แม่น้ำน่าน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก อาจจะเพิ่มสูงสุดในช่วงเวลา 14.00 น. - 15.00 น. และจากการประเมินเบื้องต้น อาจจะถึงระดับ 11.08 เมตร และขณะนี้ที่เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีน้ำ 95 % ของความจุอ่าง ได้ชะลอระบายน้ำลดลง เพื่อช่วยเมืองพิษณุโลก จาก 57 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือวันละ 56 ล้านลูกบาศก์เมตร

           ส่วนเขื่อนแควน้อย ช่วง 1 - 2 วันที่ผ่านมา ได้กักเก็บน้ำเกินระดับกักเก็บสูงสุดคือ มีน้ำในเขื่อนแควน้อย 102 % ของความจุ และต้องระบายน้ำออกมาประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้น้ำจากแม่น้ำแควน้อยเพิ่มสูงขึ้น เกิดล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่ม ในเขตรอบนอก ในเขต อ.พรหมพิราม และอีกหลายตำบลในเขต อ.เมือง แต่คาดว่าย่านเศรษฐกิจสำคัญในเขตเทศบาล จะสามารถพ้นวิกฤติน้ำทะลักท่วมเมืองได้ เนื่องจากได้มีการวางแผนรับมือ และวางแนวป้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว

            อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก ยังได้กล่าวอีกว่า หลังจากที่เทศบาลนครพิษณุโลก สามารถผ่านพ้นวิกฤติไปได้ เขื่อนแควน้อยก็จำเป็นต้องระบายน้ำออกเพิ่มขึ้น ดังนั้น แม่น้ำน่านเมืองพิษณุโลก ก็จะยังทรงสูงระดับนี้ไปอีกหลายวัน

ชัยนาท : วิกฤติหนัก! สั่งอพยพ 4 อำเภอ - ดับแล้ว 3 ราย

ชัยนาท : วิกฤติหนัก! สั่งอพยพ 4 อำเภอ - ดับแล้ว 3 ราย
          น้ำท่วมชัยนาท หนักสุดเป็นประวัติการณ์ สั่งอพยพชาวบ้าน 4 อำเภอ พื้นที่เสี่ยงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา วิกฤติทั้งจังหวัด เสียชีวิตแล้ว 2 ราย

          นายปรีชา ทองคำ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า ขณะนี้ น้ำได้ทะลักท่วมทุกอำเภอใน จ.ชัยนาท ส่วนพื้นที่วิกฤติอยู่ที่ 4 อำเภอ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งหมด ได้แก่ อ.เมืองชัยนาท อ.มโนรมย์ อ.วัดสิงห์ อ.สรรพยา ในปีนี้ ปริมาณน้ำมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมใหญ่ปี 2538 สถานการณ์ขณะนี้ ถือว่าระดับน้ำเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และส่งผลกระทบมากที่สุด ข้อมูลล่าสุดพบว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ซึ่งน้ำได้ทะลักท่วมทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเขตเศรษฐกิจ หรือ พื้นที่ตั้งของหน่วยราชการ ไร่นาเกษตรกร ในขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้พบว่า มีน้ำอีกมวลที่จะไหลจาก จ.นครสวรรค์ เข้ามาสมทบอีกระลอก โดยหากไหลหลากมาสมทบ จะทำให้ระดับน้ำใน จ.ชัยนาท เพิ่มสูงขึ้นอีก 20 ซ.ม. ขณะนี้ ทาง ปภ. มีภารกิจหลัก คือ อพยพประชาชนและช่วยชีวิตประชาชน

          หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท ยังกล่าวอีกว่า วิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นวิกฤติที่หนักที่สุด ซึ่งหนักกว่าน้ำท่วมใหญ่ปี 2538

ชัยภูมิ : น้ำป่าทะลักเข้าท่วมเทศบาลเมืองแล้ว

ชัยภูมิ : น้ำป่าทะลักเข้าท่วมเทศบาลเมืองแล้ว
          น้ำป่าทะลักเข้าท่วมเทศบาลเมืองชัยภูมิแล้ว โดยมีระดับน้ำสูงประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องช่วยกันขนของไปไว้บนที่สูง ขณะที่ถนนสายหลักระหว่าง ชัยภูมิ-สีคิ้ว ถูกน้ำท่วมสูงรถขนาดเล็กไม่สามารถผ่านได้ ยกเว้นรถขนาดใหญ่ยังสามารถผ่านไปมาได้

          ทางด้าน นายสุวิชา อุชาดี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ โรงเรียนเมืองพญาแลวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่น้ำท่วมสูงขนาดนี้ ทั้งนี้ทางคณะครูนักเรียนได้ช่วยกันเก็บอุปกรณ์การเรียนการสอนเท่าที่ทำได้ขนย้ายไปยังที่สูง และจำเป็นที่ต้องกำหนดปิดการเรียนการสอนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด 

อุทัยธานี : เจ้าหน้าที่เร่งย้ายจระเข้ออกจากฟาร์ม



อุทัยธานี : เจ้าหน้าที่เร่งย้ายจระเข้ออกจากฟาร์ม
          บริเวณริมแม่นน้ำสะแกกรัง ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี มีฟาร์มเลี้ยงและเพาะพันธุ์จระเข้ จำนวนกว่า 3,000 ตัว ซึ่งขณะนี้น้ำได้เข้าท่วมบ่อเลี้ยงจระเข้ สูงจากบ่อกว่า 1 เมตรแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งขนย้ายจระเข้ที่อยู่ในฟาร์มออกมาอย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าถ้าระดับน้ำสูงขึ้นจระเข้อาจจะหลุดออกมาได้ ทั้งนี้ ทางเจ้าของฟาร์มกำลังเร่งจับและย้ายจระเข้ออกจากฟาร์มไปยังฟาร์มสำรองที่เจ้าของได้เตรียมไว้

ลพบุรี : พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 เร่งหาทางระบายน้ำออก

ลพบุรี : พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 เร่งหาทางระบายน้ำออก
          พื้นที่ราบต่ำฝั่งตะวันออก อ.บ้านหมี่ และ อ.เมืองลพบุรี ระดับน้ำท่วมสูง นานกว่า 1 สัปดาห์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเนื่องจากยังหาทางระบายน้ำลงสู่คอลงชลประทานชัยนาท - ป่าสัก ไม่ได้ อีกทั้งน้ำที่ขังเป็นเวลานานเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็นแล้ว

          นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นคุณตาอายุ 76 ปี ชื่อนายพรหม เนียมงาม อยู่บ้านเลขที่ 80/8 หมู่ 1 ตำบลป่าตาล อำเภอเมืองลพบุรี โดยเพื่อนบ้านเล่าว่า ทุกวันคุณตาจะต้องพายเรือออกมารับน้ำดื่ม และข้าวกล่องที่เจ้าหน้าที่นำมามอบให้ แต่วันนี้ไม่เห็นคุณตาออกมา จึงได้บอกให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่า พบคุณตาจมน้ำเสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน ซึ่งนับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 2 ของจังหวัดลพบุรีแล้ว

          ทางด้าน นายธีรศักดิ์ ทรัพย์ศิริ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.ลพบุรี ขณะนี้ได้รับผลกระทบทั้งจังหวัด 11 อำเภอ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในขณะนี้ เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา และระดับน้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น ส่วนเหตุการณ์น้ำทะลักท่วมที่ อ.ท่าวุ้ง ทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมกับ สนง.ปภ. ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมระดมเจ้าหน้าที่ขุดดินทำแนวกั้น เพื่อไม่ให้กระทบพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน และได้ให้การช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้น โดยมอบถุงยังชีพ ระดมกระสอบทรายทำแนวกั้น

          ส่วนสถานการณ์โดยรวมของ จ.ลพบุรี ถือว่ายังวิกฤติ ข้อมูลล่าสุดพบว่า ประชาชนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 27,000 ครัวเรือน ทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้กำชับให้ดูแลพื้นที่ อ.ท่าวุ้ง และ อ.บ้านหมี่ เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นที่ลุ่ม

          ทั้งนี้ ยังไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร

พิษณุโลก : วิกฤติหนัก! ย่านเศรษฐกิจเสียหายร่วมร้อยล้าน

พิษณุโลก : วิกฤติหนัก! ย่านเศรษฐกิจเสียหายร่วมร้อยล้าน
          สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพิษณุโลก ขณะนี้ย่านเศรษฐกิจ ศูนย์ราชการ ธุรกิจร้านค้าต่าง ๆ ต้องหยุดดำเนินการ  ธุรกิจโรงพิมพ์น้ำทะลักเข้าท่วมจนแท่นพิมพ์เสียหาย ขณะที่ร้านค้ารายย่อยหลายร้าน ขนของหนีน้ำท่วมแทบไม่ทัน ส่งผลให้ย่านเศรษฐกิจในบริการดังกล่าว สูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท

          ทางด้านองค์การบริหารส่วนตำบลหัวรอ ได้นำกำลังจากหลายหน่วยงาน มาช่วยทำคันกั้นน้ำบริเวณริมฝั่งแม่น้ำน่าน รวมไปถึงตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ระดมสูบน้ำออกจากพื้นที่ แต่ปริมาณน้ำก็ยังท่วมอยู่ในระดับสูง ทำให้รถที่ต้องการสัญจร  ขับขี่ด้วยความยากลำบาก

          ขณะที่ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 พิษณุโลก ได้ออกมาแจกจ่ายน้ำดื่ม และอาหารให้กับประชาชนดังกล่าว พร้อมให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม  อีกทั้งยังได้ต่อว่าการทำงานของรัฐบาลว่าแก้ปัญหาน้ำท่วมเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่มีแผนงานรองรับ มีแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ทางที่ดีควรจะช่วยแก้ไขปัญหานี้เป็นลำดับแรก ก่อนที่จะนึกถึงการเตะฟุตบอลกระชับมิตรที่กัมพูชา

น้ำท่วมยังวิกฤติ!


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          น้ำท่วมยังวิกฤติ! ศอส. สรุป 26 จังหวัดจมบาดาล 112 ชีวิตสังเวยน้ำท่วม  ด้านย่านเศรษฐกิจพิษณุโลก เสียหายกว่า 100 ล้าน ขณะที่ เจ้าของฟาร์มจระเข้อุทัยธานี เร่งขนย้ายด่วน หลังน้ำเพิ่มระดับสูงกว่า 1 เมตร

สรุปน้ำท่วม เสียชีวิตแล้ว 112 ราย 26 จังหวัด จมบาดาล

          ศอส. แถลงสรุปความเสียหายจากน้ำท่วม ล่าสุด มีทั้งสิ้น 26 จังหวัด เสียชีวิตแล้ว 112 ราย พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 4 ล้านไร่

          นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการบริหารสถานการณ์ อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 26 จังหวัด 165 อำเภอ 1,095 ตำบล 6,915 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 408,783 ครัวเรือน 1,412,357 คน ผู้เสียชีวิต 112 ราย สูญหาย 2 ราย พื้นที่การเกษตร 4,043,993 ไร่

          สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำสะแกกรัง และลุ่มน้ำท่าจีน ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ส่วนลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ยังมีน้ำมาก และอยู่ในระดับทรงตัว ในขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ 3,884 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,706 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้มีน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่ม ต่ำบริเวณ 8 จังหวัด ได้แก่ จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และ นนทบุรี ในส่วนของสถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ ต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำ ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนและชุมชนริมฝั่งแม่น้ำ ได้รับกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และเสริมแนวกระสอบทรายกั้นน้ำ

          ส่วนกรุงเทพมหานคร พื้นที่ด้านตะวันออกนอกคันกั้นน้ำ บริเวณเขตมีนบุรี หนองจอก และเขตลาดกระบัง ยังคงมีน้ำท่วมในบางพื้นที่ ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง